การออกแบบตัวละคร
ในจอมโจรอัจฉริยะเล่ม 4 ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์ของโกโช อาโอยาม่า ผู้วาดจอมโจรคิด เขากล่าวว่าตัวละครที่วาดนี้เขาต้องการสื่อถึงภาพลักษณ์ของคนที่ "แว่บไปแว่บมา หาตัวจับยาก ห้าวหาญไม่มีใครเปรียบ หน้าตาหล่อเหลาเหมือนอาร์แซน ลูแปง และเป็นคนเจ้าเล่ห์" ตัวการ์ตูนนี้ให้ความสนุกในแบบของผู้ถูกล่าที่ต้องหนี อย่างไรก็ตามเขายังกล่าวถึงการวาดชุดคลุมของไคโตะนั้นว่า "ลำบากเอาการ"
ประวัติ
คุโรบะ โทอิจิ ซึ่งเป็นจอมโจรคิดรุ่นพ่อปรากฏตัวในฐานะนักมายากลและอาชญากรเมื่อ 18 ปีก่อนที่จะเกิดเรื่องในมังงะเรื่องจอมโจรอัจฉริยะ โดยปรากฏตัวครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พร้อมด้วยผู้ติดตามชื่อจิอิ โคโนะสึเกะ โทอิจิมีชื่อเสียงมากจนได้รับการขนานนามว่าเป็นนักมายากลมือหนึ่งของโลก 10 ปีต่อมาหลังจากการปรากฏตัวครั้งแรก โทอิจิถูกสังหารระหว่างการแสดงโดยองค์กรองค์กรหนึ่งที่ต้องการชิง แพนโดร่า อัญมณีที่จะมีสีแดงและหลั่งน้ำตาในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ที่เชื่อว่าผู้ที่ได้ดึ่มน้ำตาจากแพนโดร่าจะเป็นอมตะ หลังจากนั้นเมื่อเริ่มเรื่องจอมโจรอัจฉริยะ จิอิ ซึ่งเป็นผู้ติดตามของโทอิจิได้ปลอมตัวเป็นจอมโจรคิดโดยหวังจะให้องค์กรที่สังหารโทอิจิปรากฏตัว โดยการปรากฏตัวในครั้งนี้เน้นการขโมยอัญมณีที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น เป็นหลัก ต่างจากครั้งอื่น ๆ ที่มีการขโมยอัญมณีนอกประเทศญี่ปุ่นด้วย เป็นเวลาเดียวกับที่ คุโรบะ ไคโตะ ซึ่งเป็นบุตรของโทอิจิได้ค้นพบความจริงว่าพ่อของเขาเป็นจอมโจรคิดและถูกสังหารโดยองค์กรดังกล่าว ไคโตะจึงรับหน้าที่เป็นจอมโจรคิดเพื่อล่อให้องค์กรที่สังหารพ่อของเขาปรากฏตัวเพื่อสืบทอดหน้าที่ต่อจากจิอิ และเพื่อป้องกันไม่ให้องค์กรชิงอัญมณีแพนโดร่าไปด้วย
จอมโจรคิดไม่ว่าในรุ่นพ่อหรือรุ่นลูก ต่างก็ปรากฏตัวในยอดนักสืบจิ๋วโคนันเช่นกัน ทั้งในร่างบุคคลธรรมดาหรือจอมโจรคิด โดยคุโรบะ โทอิจิ เคยปรากฏตัวครั้งหนึ่งกับยูกิโกะและไคโตะในฉากรำลึกถึงอดีตในยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ส่วนคุโรบะ ไคโตะ ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน "โคนัน VS จอมโจรคิด" และต่อมาก็ได้กลายเป็นตัวละครหนึ่งในเรื่องนั้น รวมถึงตัวละครเสริมผู้ขัดขวางจอมโจรคิด เช่น สารวัตรนากาโมริ กินโซ ฮาคุบะ ซางุรุ ก็ได้กลายเป็นตัวละครในเรื่องนั้นด้วยเช่นกัน ในทางกลับกันตัวละครจากยอดนักสืบจิ๋วโคนันก็เคยปะทะกับจอมโจรคิดมาแล้ว เช่น ในคดีแบล็กสตาร์ในจอมโจรอัจฉริยะ คุโด้ ชินอิจิ เคยปะทะกับคุโรบะ ไคโตะมาแล้ว และเชื่อกันว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเหตุที่ทำให้จอมโจรคิดและโคนันทราบตัวจริงซึ่งกันและกัน
ที่มาของชื่อ
แม้ว่าจอมโจรคิดจะมีฉายามากมาย เช่น ลูแปงแห่งเฮเซ นักมายากลใต้แสงจันทร์ เป็นต้น แต่ชื่อเรียกที่เป็นทางการตามที่ทั้ง ตำรวจสากล FBI และ CIA ตั้งไว้เป็นชื่อรหัส (Code Name) ที่เรียกว่า 1412 เดิมข้อมูลนี้ถูกเก็บไว้เป็นความลับแต่ก็รั่วไหลออกมา อย่างไรก็ดีชื่อที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เป็นชื่อที่เกิดจากการตั้งขึ้นของคุโด้ ยูซากุ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโทอิจิ ตอนที่ยูซากุเป็นผู้ล่าและโทอิจิเป็นจอมโจรคิด และสนใจเรื่องจอมโจร 1412 ที่สามารถปั่นหัวตำรวจได้ทั่วโลก ครั้งหนึ่งยูซากุหยิบหนังสือพิมพ์ที่มีเรื่องจอมโจรคิดมาอ่านดู แต่นักข่าวเขียนเลข 1412 เป็นหวัดๆ ทำให้เขาอ่านแบบเล่นคำ ปรากฏว่าสามารถอ่านได้เป็นตัวอักษร KID ยูซากุจึงตั้งชื่อของจอมโจรคนนี้ว่า "คิด"
ข้อมูลจำเพาะ
ในคดี "ของขวัญจากอาคาโกะ" (จอมโจรอัจฉริยะ เล่ม 3) ฮาคุบะ ซางุรุ ได้เปิดเผยข้อมูลจำเพาะที่เกิดจากการเก็บรวบรวมได้ว่าจอมโจรคิดสูง 174 เซนติเมตร หนัก 58 กิโลกรัม อายุ 15-17 ปี หมู่เลือด B เชื้อสายญี่ปุ่น ผมดำ ตาซ้ายขวา 2.0 ระดับ ไอคิว 400 เล่นกีฬาเก่งโดยเฉพาะสกีแต่ไม่ถนัดสเก็ตน้ำแข็ง เมื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปเปรียบเทียบพบว่าตรงกับคุโรบะ ไคโตะ ทำให้ฮาคุบะกล่าวว่าจอมโจรคิดกับไคโตะเป็นบุคคลเดียวกัน แม้ตัวไคโตะจะปฏิเสธว่าไม่ใช่คิดก็ตาม นอกจากนี้ในเนื้อเรื่องพบว่าคิดชอบไอศกรีมช็อกโกแลตแต่กลัวปลา
ความสามารถและอุปกรณ์พิเศษ
ความสามารถหลักของจอมโจรคิดไม่ว่าจะเป็นรุ่นพ่อหรือลูกคือการที่คิดสามารถปลอมตัวเป็นคนที่ไม่รู้จักและรู้จักได้เนียนมาก แม้กระทั่งเสียงก็สามารถปลอมได้โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องแปลงเสียง ในยอดนักสืบจิ๋วโคนันมีการกล่าวว่า ยูกิโกะซึ่งเป็นแม่ของชินอิจิได้ฝากตัวกับโทอิจิ ซึ่งครั้งนั้นทำให้ยูกิโกะรู้จักกับ ชารอน วินยาร์ด และทำให้เกิดเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างขึ้น ด้วยความได้เปรียบนี้ทำให้คิดสามารถตรวจสอบสถานที่ตั้งของอัญมณีก่อนที่จะโจรกรรมได้โดยง่าย หรือในบางครั้งก็ทำการโจรกรรมทั้งที่ปลอมตัวอยู่ก็มีให้เห็น
อย่างไรก็ดี คิดก็ยังใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยในการโจรกรรมด้วย เช่นใช้นกพิราบที่ติดกับดักฟังเสียงเพื่อช่วยในการดักฟังข้อมูลจากระยะไกล โดยใช้แว่นตาขาเดียว ใช้แฮงไกลเดอร์ในการหลบหนี ใช้ปืนที่ยิงออกมาเป็นรูปไพ่เพื่อป้องกันตัว โดยไม่ใช้ปืนจริงเป็นอันขาด และใช้ผู้ช่วยในบางกรณี ดังจะสังเกตได้จากในอะนิเมะเรื่อง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ตอนที่ 356 ซึ่งโคนันกล่าวว่าคิดมีผู้ช่วยแสดงกลเดินบนอากาศ และต่อมาก็ได้รับการยืนยันเมื่อปรากฏว่าคิดได้จับเอาพวกของตนที่แฝงตัวเป็นนักข่าวหลบหนีไปด้วยกันในคดีเล่ม 61 แต่ถึงจะใช้อุปกรณ์ดีเพียงใดก็ตาม ก็ปรากฏในเนื้อเรื่องว่าคิดได้รับบาดเจ็บบ้างเช่นกันไม่ว่าจะเป็นจากผู้ขัดขวางเช่นโคนัน หรือบุคคลที่สามที่ไม่พอใจ เป็นต้น
นอกจากความสามารถในการโจรกรรม คิดยังมีความสามารถในการสืบสวนเช่นกัน ดังจะเห็นได้ในมูฟวี่ตอน บทเพลงมรณะแด่เหล่านักสืบ ที่คิดไปช่วยโคนันและเฮย์จิสึบสวนอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วจึงไปปิดบัญชีกับนายมิยามะซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้สนับสนุนตัวการขโมยรถขนเงินที่คิดบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์ ซึ่งผู้ที่ขโมยนั้นก็คือรุ่นน้องที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยทางทะเลโยโกะฮะมะ ที่เดียวกับตัวประธานมิยามะนั่นเอง
ลักษณะการโจรกรรม
ก่อนทำการโจรกรรม จอมโจรคิดจะส่งสาส์นเตือนถึงเหยื่อหรือตำรวจก่อน โดยสาส์นมีรูปแบบเป็นข้อความที่ต้องไขปริศนาอีกที รวมถึงมีรูปหน้าของจอมโจรคิด ซึ่งจอมโจรคิดจะวาดใหม่ทุกครั้งที่โจรกรรมเมื่อส่งสาส์นเตือนและตรวจสอบสถานที่โจรกรรมในบางครั้งเสร็จแล้ว จึงทำการโจรกรรมตามวิธีที่เขียนไว้ในสาส์นเตือน เช่น ทำการปลอมตัวเป็นผู้เกี่ยวข้องหรือตัวเหยื่อเพื่อตบตาตำรวจ และนำของหนีไป ทำให้เกิดความสับสนระหว่างของจริงและของปลอม แล้วชิงของจริงหนีไป เป็นต้น โดยในระหว่างการโจรกรรมคิดจะไม่ฆ่าคน ไม่ใช่ปืนจริง แต่จะขโมยของไปเพียงอย่างเดียว และไม่ลักพาตัวคนเป็นอันขาด โดยปกติแล้วในระหว่างการหลบหนีหรือการโจรกรรมนั้น คิดจะสวมชุดสูทสีขาวที่ทำจากผ้าไหม มีผ้าคลุมข้างหลังและหมวกสีขาว เนคไทสีแดง เสื้อเชื้ตตัวในสีน้ำเงิน และแว่นตาขาเดียว แต่ในบางครั้งเขาก็มิได้สวมชุดนี้อันเนื่องจากการปลอมตัวและเหตุผลอื่น ๆ เช่น เพื่อมิให้ถูกสังเกตได้โดยง่ายหากมีการใช้อุบายขโมยหรือหลบหนี เป็นต้น
ตามรายงานของตำรวจก่อนที่คิดจะลงมือโจรกรรมไข่อิมพีเรียล อีสเตอร์ในมูฟวี่ตอนที่ 3 ปริศนาพ่อมดคนสุดท้ายแห่งศตวรรษ จอมโจรคิดก่อคดีรวมทั้งสิ้น 134 คดี โดย 15 คดีในจำนวนคดีทั้งหมดเป็นคดีที่เกิดขึ้น ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมัน และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 12 ประเทศ รวมอัญมณีที่ขโมยไปได้ 152 รายการ คิดเป็นมูลค่า 38,725 ล้านเยน
ตามรายงานของตำรวจก่อนที่คิดจะลงมือโจรกรรมไข่อิมพีเรียล อีสเตอร์ในมูฟวี่ตอนที่ 3 ปริศนาพ่อมดคนสุดท้ายแห่งศตวรรษ จอมโจรคิดก่อคดีรวมทั้งสิ้น 134 คดี โดย 15 คดีในจำนวนคดีทั้งหมดเป็นคดีที่เกิดขึ้น ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมัน และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 12 ประเทศ รวมอัญมณีที่ขโมยไปได้ 152 รายการ คิดเป็นมูลค่า 38,725 ล้านเยน



ชอบๆๆๆ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบชอบ ชอบ ชอบ
ตอบลบจอมโจรคิด สนุก ไม่แพ้ โคนันเลย
! ! ! 哈哈
ชอบๆโคนันมากกว่า
ตอบลบ